เศรษฐกิจพระเครื่องเมืองไทย
ECONOMY OF AMULETS IN THAILAND
โดย อภินันท์ จันตะนี Aphinant Chantanee
หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องเศรษฐกิจพระเครื่องเมืองไทย โดยมีวัตถุประสงค์1) เพื่อศึกษาสภาพทั่วไป เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจพระเครื่อง 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจเช่าพระเครื่องไว้บูชาหรือ แลกเปลี่ยนตามมูลค่าที่ตนพอใจ 3) เพื่อศึกษาค้นคว้าเชิงลึกเกี่ยวกับพระเครื่องตามภูมิภาคทั้งสี่ภาค ทั้งด้านค่านิยมการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนตามมูลค่าที่ตนพอใจ และ 4) เพื่อวิเคราะห์เชิงบูรณาการ มูลค่าพระเครื่องในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจาก นิตยสาร-เว็บไซต์พระเครื่อง การสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม 120 คน และสำรวจข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ตัวอย่าง 400 คน ตามตลาดนัดพระเครื่องและงานประกวดพระเครื่องจาก 4 ภูมิภาคในประเทศไทย และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมส ารวจรูปทางสถิติสถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า
1) สภาพทั่วไปเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจพระเครื่อง โดยราคาค่านิยมพระเครื่องจากนิตยสาร และเว็บไซต์ มีราคาค่านิยมตั้งไว้เริ่ม 500 บาท ซึ่งเป็นพระเหรียญที่สร้างใหม่ไปถึงราคาค่านิยม 55 ล้านบาทหรือรวม 5 องค์ไม่ต่ ากว่า 250 ล้านบาท เป็นพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ส่วนราคา ค่านิยมรองลงมาเป็นพระเครื่องในชุดเบญจภาคีคือ พระซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ (องค์เดียว) 20 ล้านบาท พระผงสุพรรณ (พิมพ์หน้าแก่) 12ล้านบาท พระรอด กรุวัดมหาวัน 10 ล้านบาท และพระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก 5 ล้านบาท ส่วนพระหลวงปู่ทวด ปี 2497 ราคาค่านิยม 15 ล้านบาท เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง 12 ล้านบาท พระปิดตามหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์เมืองชล 10 ล้านบาท หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา ราคาค่านิยม 10 ล้านบาท หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน 8 ล้านบาท พระ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน รูปหล่อโบราณ พิมพ์นิยม 6 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจซื้อหรือเช่า พระเครื่อง คือความเก่าแก่ของพระเครื่อง ความหายากของพระเครื่อง ความเป็นพระเครื่องแท้ สภาพของพระเครื่อง มีรูปลักษณะพระเครื่องต้องไม่มีรอยหัก บิ่น สึกหรอใดๆ ปรากฏขึ้น รวมทั้ง พิธีกรรมและเรื่องราวพระเครื่อง เป็นพิธีกรรมหรือความขลังในทางไสยศาสตร์ ความเชื่อในแง่ของ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ถ้าเคยเกิดเหตุอัศจรรย์ใดๆ กับผู้ที่สวมใส่พระเครื่องนั้นจะทำให้ความนิยมซื้อหา มากขึ้น
2) พฤติกรรมและการตัดสินใจเช่าพระเครื่องไว้บูชาหรือแลกเปลี่ยนตามมูลค่าที่ตนพอใจ โดยพฤติกรรมการเข้าร่วมในตลาดนัดและงานประกวดพระเครื่อง ส่วนใหญ่นำพระเครื่องมาปล่อยให้เช่า ร้อยละ 44.50 การเช่าพระเครื่องไว้เพื่อบูชาร้อยละ 33.50
มีความสนใจหารือให้ความสำคัญกับ พระเครื่องส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อผงยอดนิยม ร้อยละ 32.50 มีความสนใจ/ความสำคัญพระท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นพระเหรียญหล่อนิยม ร้อยละ 41.00 มีความสนใจ/ความสำคัญพระเบญจภาคีส่วนใหญ่ เป็นพระสมเด็จวัดระฆัง ร้อยละ 50.00
3) การสัมภาษณ์/ค้นคว้าเชิงลึกเกี่ยวกับพระเครื่องตามภูมิภาคทั้งสี่ภาคทั้งด้านค่านิยมการ ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนตามมูลค่าที่ตนพอใจ โดยราคาค่าเช่าพระเครื่องปัจจุบันส่วนใหญ่เห็นว่าราคา ค่าเช่าพระเครื่องขึ้นอยู่กับประเภทของพระเครื่อง ส่วนราคาค่าเช่าพระเครื่องในอนาคตนั้น ส่วนใหญ่ คาดว่าราคาค่าเช่าพระเครื่องจะขึ้นอยู่กับประเภทของพระเครื่อง มีแนวโน้มความนิยมพระเครื่องส่วน ใหญ่คาดว่าจะนิยมพระเหรียญ และมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจพระเครื่องต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า (แต่ละภูมิภาค) ประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีความคิดเห็นต่อความสำคัญหรือความสนใจ พระเครื่องโดยรวมอยู่ระดับมากทุกด้าน
4) การวิเคราะห์เปรียบเทียบและการพยากรณ์ระดับความสำคัญ หรือความสนใจพระเครื่อง โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ และภูมิลำเนา ซึ่งผลการ ทดสอบส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและความสนใจต่อประเภทของพระเครื่องและความต้องการพระเครื่อง การตัดสินใจเช่าพระเครื่องและการเช่าพระเครื่องของคนทั่วไปในปัจจุบันมาความแตกต่างกัน ซึ่งผล การพยากรณ์ปัจจัยที่เกี่ยวกับประเภทพระเครื่อง การตัดสินใจเช่าพระเครื่องและการเช่าพระเครื่อง ของคนทั่วไปมีผลต่อความต้องการเช่าพระเครื่องในปัจจุบันฯ โดยมีค่าพยากรณ์ร้อยละ 54.10 (R = .736, R2 = .541)
ที่มา : วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน
2559